วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การเลือกใช้วัสดุพิมพ์

เลือกวัสดุพิมพ์อย่างไร ให้เหมาะสมกับงานที่จะพิมพ์ …

           การ เลือกใช้วัสดุพิมพ์สำหรับงานพิมพ์ด้วยระบบ Ink Jet ในที่นี้จะขอกล่าวถึงระบบงานพิมพ์ Ink Jet ที่เกี่ยวกับการทำป้ายโฆษณา Outdoor เพียงเท่านั้น สำหรับวัสดุที่ใช้พิมพ์ของระบบงานพิมพ์ Ink Jet อื่นขอให้ติดตามในโอกาสต่อไป
           วัสดุสำหรับงานพิมพ์ Ink Jet หมึกพิมพ์เชื้อ Solvent ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปก็จะกันอยู่ประมาณ 2 ประเภทคือ Flexible Surface หรือที่เรียกกันว่า ไวนิล และ Self Adhesive Vinyl หรือที่เรียกกันว่า สติกเกอร์ และที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปคือสติกเอร์ พีวีซี วัสดุพิมพ์ทั้งสองชนิดก็มีหลากหลายชนิด หลากหลายคุณสมบัติ แต่ละอย่างการนำไปใช้งานก็จะแตกต่างกันไป ในที่นี้จะขอขยายความของวัสดุพิมพ์เพื่อให้เกิดความรู้ซึ่งกันดังต่อไปนี้
           ไวนิล หรือ Flexible Face กระบวน การผลิตเกิดจากการนำเส้นใยโพลีเอสมาทอเป็นผ้า ในความหนา หรือความใหญ่ของเส้นใย การเลือกใช้ความหนาหรือเส้นใยที่แตกต่างกันนั้น บงบอกถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมในการนำไปใช้งาน จะขอกล่าวเรื่องคุณสมบัติภายหลังอีกครั้ง เมื่อได้เส้นใยที่ทอเป็นผืนแล้ว กระบวนการต่อไปคือการนำผ้าโพลีเอสไปเคลือบพีวีซีทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ในส่วนของด้านจะเคลือบโดยใช้ปริมาณพีวีซีที่มากกว่า เพื่อต้องการให้ผิวหน้าเรียบสม่ำเสมอ เมื่อพิมพ์สีลงไปจะทำให้ภาพที่ออกมาสวยงาม การเคลือบพีวีซีจะมีอยู่สองประเภท คือประเภทที่หนึ่ง ใช้กาวชนิดพิเศษเป็นตัวประสานระหว่างเส้นใยโพลีเอสเตอร์ กับพีวีซีที่เคลือบ วัสดุที่ทำในลักษณะนี้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากราคาจำหน่ายไม่แพงเกินไป และอีกประเภทหนึ่งคือการนำเส้นใยโพลีเอสเตอร์ไปชุบกับพีวีซีเหลว และผ่านขั้นตอนการทำเป็นแผ่น วัสดุที่ผลิตจากกระบวนการนี้จะมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม ใช้กับป้ายที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษ หรือป้ายที่ต้องการอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีผิวหน้าสม่ำเสอเป็นพิเศษ ข้อเสียของระบบนี้คือ ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากวัสดุที่กระบวนการผลิตในประเภทนี้ค่อนข้างซับซ้อน และใช้เครื่องจักรที่มีราคาแพงในการผลิต อีกทั้งปริมาณการผลิตก็ยังได้น้อยกว่าในประเภทแรกอีกด้วย
การเลือก ใช้ไวนิล โดยทั่วไปนิยมใช้ความหนาของไวนิลเป็นตัวกำหนดความแข็งแรงของไวนิล แต่ในความเป็นจริงแล้วความหนาเป็นตัวชี้วัดความแข็งแรงส่วนหนึ่งเท่านั้น การที่จะดูว่าไวนิลมีความแข็งแรงมากน้อยเพียงใด ให้ไปดูที่รายละเอียดของสินค้า ที่ผู้ผลิตทุกรายจะต้องบ่งบอกสรรพคุณเอาไว้อย่างชัดเจน โดยศึกษาในหัวข้อดังต่อไปนี้
           1. YARN บางแห่งก็จะมีคำต่อท้าย เช่น YARN COUNT หรือผู้ผลิตบางรายอาจจะมีคำอื่น แต่ขอให้สังเกตคำว่า YARN และตัวเลขที่ระบุตามมา ในหัวข้อนี้หมายถึงเส้นใยโพลีเอสเตอร์ย่อยๆ จำนวนกี่เส้นที่มัดรวมกันเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์หนึ่งเส้น ยกตัวอย่าง ผู้ผลิตระบุว่า 500D x 500D นั้นหมายถึงทั้งเส้นใยแนวราบ และเส้นใยแนวตั้ง ในหนึ่งเส้นใยประกอบด้วยเส้นใยเส็กๆ มัดรวมกันจำนวน 500 เส้น และถ้าผู้ผลิตระบุว่า 300D x 200D นั่นหมายถึงเส้นในด้าน 300 หนึ่งเส้นประกอบด้วยเส้นใยเล็กๆจำนวน 300 เส้นมัดรวมกัน ส่วนอีกด้านหนึ่งคือเส้นใยเล็กๆ 200 เส้นมัดรวมกันเป็นเส้นใยใหญ่ ในข้อนี้ให้สังเกตว่าหากจำนวนเส้นใยมีจำนวนมาก นั่นหมายถึง ความแข็งแรงของไวนิลนั้นมีความแข็งแรงและทนทานมากกว่าชนิดที่มีจำนวนเส้นใย น้อยกว่า จำนวนเส้นใยที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังไม่อาจสรุปได้ว่าไวนิลที่มีเส้นใยมากจะ แข็งแรง ทนทาน แต่หากนำปัจจัยในหัวข้อต่อไปนี้มาพิจารณาร่วม ย่อมสามารถสรุปได้ว่าไวนิลนั้นๆมีความแข็งแรง ทนทานมากแค่ไหน
           2. THREAD เช่นเดียวกันกับหัวข้อข้างต้น ผู้ผลิตแต่ละรายจะกำหนดชื่อที่แตกต่างกันไป สำหรับข้อนี้ก็ให้สังเกตตัวเลขที่ระบุตามหลังเช่นกัน ดังจะยกตัวอย่างต่อไป ในหัวข้อนี้ หมายถึงจำนวนเส้นใยทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ในพื้นที่หนึ่งตรารางนิ้ว เช่นระบุว่า 18 x 12 นั่นหมายความว่า ในด้านหนึ่งจำนวนหนึ่งนิ้ว จะมีเส้นใยโพลีเอสเตอร์ใหญ่จำนวน 18 เส้น และอีกด้านหนึ่งจะมีจำนวน 12 เส้น เช่นเดียวกันหากจำนวนเส้นใยยิ่งมากย่อมมีความแข็งแรงมากกว่าเส้นใยที่น้อย กว่า
           3. THICKNESS หรือความหนา ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะระบุเป็นหน่วยมิลลิเมตร ความหนาก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแรง
           4. WEIGHT หรือน้ำหนัก ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะระบุเป็นกรัมต่อตารางเมตร หรือมีคำย่อว่า gsm.
           ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงข้อสังเกตพื้นฐานที่ควรจะนำมาพิจารณาเลือกซื้อไวนิลมาใช้งาน หากแต่ยังมีสรรพคุณอีกมากที่ต้องศึกษา ส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตไวนิลที่มีราคาสูงจะกำหนดไว้แทบจะทุกเรื่อง แต่สำหรับไวนิลที่ใช้งานพิมพ์ INK JET โฆษณา OUTDOOR แล้ว การรับทราบเพียงข้างต้นก็สามารถทำให้การเลือกใช้ไวนิลมีประสิทธิภาพ และเหมาะกับงาน อาจจะสามารถช่วยลดต้นทุนลงได้
           ปัจจัย อีกตัวหนึ่งที่เป็นปัจจัยภายนอก ที่สามารถสังเกตเห็นได้ทันทีเมื่อผู้ขายนำไวนิลมาส่ง นั่นก็คือความสม่ำเสมอของสีผิวหน้าของไวนิล บางคนอาจจะบอกว่ามันไม่จำเป็นเลย แต่สำหรับผู้พิมพ์งาน INKJET แล้วปัจจัยนี้จะช่วยทำให้งานของผู้พิมพ์มีคุณภาพสูง และยังช่วยประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายในการทำงานได้อีก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คำตอบง่ายๆ การพิมพ์ INKJET สิ่งสำคัญที่สุดคือสีของงานพิมพ์จะต้องเหมือนกันทุกครั้งที่พิมพ์ หากไม่สามารถควบคุมสีผิวหน้าของไวนิลได้แล้ว การที่จะทำให้สีที่พิมพ์ออกมาเหมือนกันทุกครั้งย่อมเป็นไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ต้องเสียเวลาในการเพิ่ม หรือลดค่าสี การทดลองพิมพ์ตัวอย่าง และต้องสูญเสียวัสดุพิมพ์ และหมึกพิมพ์ ในการปรุ๊ฟตัวอย่างใหม่
           ชนิดของไวนิลนอกจากที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ ไวนิลชนิดทึบแสง สำหรับงานป้ายโฆษณาที่ใช้ส่องด้านหน้า ไวนิลชนิดโปร่งแสง สำหรับงานตู้ไฟ ยังมีไวนิลที่มีคุณสมบัติมากกว่าดังนี้
           1. ไวนิลตาข่าย หรือที่เรียกว่า NET ไวนิล หรือ MESH ไวนิลประเภทนี้นิยมใช้กันโดยทั่วไปคือ การคลุมตึกที่กำลังก่อสร้าง หรือคลุมลานจอดรถ ไวนิลชนิดนี้จะมีคุณลักษณะเด่นคือยอมให้ลมผ่านได้ และสามารถมองทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งได้ ไวนิลชนิดนี้ยังนิยมใช้กันสำหรับทำป้ายขนาดใหญ่ในห้างสรรพสินค้า เพราะไม่บดบังทัศนวิสัยในการมอง อีกทั้งยังนิยมใช้ในการทำป้ายในสถานที่มีลมพัดผ่านแรง เนื่องจากไวนิลชนิดนี้ลมสามารถผ่านได้ จึงไม่ทำให้ต้องแบกรับของแรงลมที่จะมาปะทะกับป้าย
           2. ไวนิลพิมพ์สองด้าน ไวนิลชนิดนี้จะมีผิวหน้าทั้งสองด้านของสินค้าที่เรียบสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีความหนาเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ลายภาพอีกด้านหนึ่งทะลุมาแสดงอีกด้านหนึ่ง หากพิมพ์สองหน้า หรือบางครั้งผู้ผลิตจะใช้วัสดุสีดำให้อยู่ระหว่างไวนิลทั้งสองด้าน ซึ่งการทำเช่นนี้ จะทำให้ภาพที่พิมพ์ทั้งสองด้านมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ และตัดปัญหาเรื่องลายภาพทะลุถึงกันได้เลย ไวนิลชนิดนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ผู้พิมพ์ในบ้านเราจะใช้ไวนิลทึบแสงพิมพ์สองแผ่นและมาเย็บติดกัน ซึ่งก็จะพบปัญหาคือ หากนำชิ้นงานดังกล่าวไปแสดงที่ที่มีแสงแดดส่องผ่าน ก็จะเห็นลายภาพของด้านหนึ่งแสดงเป็นเงาสีดำอีกด้านหนึ่ง
           3. ไวนิลผิวหน้าสีขาวแต่ด้านหลังเป็นสีดำ ไวนิลชนิดนี้ออกแบบมาสำหรับงานโฆษณากลางแจ้งหน้าเดียว แต่ป้ายติดตั้งในสถานที่มีแสงผ่านมาก เพราะสีดำอีกด้านหนึ่งของไวนิลจะคอยป้องกันไม่ให้แสงผ่าน จึงทำให้ภาพที่พิมพ์มีความสวยงามตลอดเวลา
           4. นอกจากนี้ผู้ผลิตบางรายยัง ผลิตชนิดที่ไม่มีเส้นใยอยู่ด้านในของไวนิล ข้อดีคือเมื่อนำไวนิลชนิดนี้ไปทำเป็นตู้ไฟจะไม่เห็นเส้นใย ทำให้ป้ายมีความสวยงาม แต่ความทนทานยังเหมือนเดิม ในอดีตหากทำตู้ไฟจะใช้ระบบการพิมพ์ด้วยหมึกพิมพ์ WATER BASED เพราะวัสดุพิมพ์ของหมึกพิมพ์ชนิดนี้จะไม่มีเส้นใยให้เห็น แต่ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ SOLVENT BASED มีการพัฒนาความละเอียดมากขึ้น จึงมีผู้ผลิตบางรายผลิตสินค้าประเภทนี้ขึ้นมาโดยใช้หมึกพิมพ์ SOLVENT BASED พิมพ์ได้ ช่วยประหยัดในด้านต้นทุนการผลิต และเวลาในการผลิต
           การผลิตไวนิลข้างต้นนั้น ผู้ผลิตหลายรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตที่ส่งสินค้าไปขายยังยุโรป จำเป็นที่ต้องเพิ่มขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญอย่างมากคือ การเคลือบไวนิลไม่ให้เป็นเชื้อที่ติดไฟ หรือเรียกภาษาอังกฤษว่า FLAME RETARDANT เพราะกฎหมายของประเทศนั้นๆ เข้มงวดมาก และในเมืองไทยเริ่มที่จะกล่าวถึงกันมากขึ้น เพราะจะนำไปใช้โฆษณาสินค้าในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
           นอกจากที่กล่าวมา ข้างต้นนี้แล้วในตลาดของผู้ผลิตไวนิลยังต้องมีผู้ผลิต ผลิตสินค้าใหม่ๆ เพื่อพัฒนาวงการโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตอาจจะมีวัสดุแปลกๆมาให้เหลือกใช้กันมากขึ้น

แฟชั่นคอนเนอร์





นาฬิกาเปี่ยมพลัง
     ปารีส II คือนาฬิการุ่นที่ผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดีจาก ชาร์ลิโอล์ Noir Chic ส่งผลให้ได้ภาพลักษณ์สีดำล้วน คอลเลกชั่นใหม่นี้มีทั้งขนาด 42 มม.สำหรับสุภาพบุรุษ และ 33 มม.สำหรับสุภาพสตรี ความพิเศษอยู่ตรงการผสมผสานของตัวเลขบอกเวลา กับเครื่องหมายบอกชั่วโมงเป็นขีดคู่สลับกันเป็นลำดับ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ แสดงเวลาเป็นชั่วโมง นาที วินาที และวันที่



รองเท้าติดซิป

สาวๆ ไม่ควรพลาด จีอ๊อกซ์ รุ่นล่าสุด ดอนนา เอลลา ด้วยดีไซน์เรียบหรูเอาใจสาวๆ เวิร์กกิ้ง วูเมน ด้วยคัชชูส้นสูงประมาณ 2 นิ้ว แอบเปรี้ยวด้วยซิปโลโก้แบรนด์ด้านหลัง ผลิตจากหนังนูบัคนุ่มสบายเท้า มาพร้อมเทคโนโลยีระบายอากาศมีให้เลือก 3 สี เทา ดำ และน้ำตาล

เท่ เซอร์ แบบตะวันตก

ชาร์ล แอนด์ คีธ พาสาวๆ ท่องโลกตามแบบฉบับนักเดินทาง กับอารยธรรมสุดขอบแดนอเมริกันตะวันตก ถูกผสมให้เกิดเป็นกระเป๋าในคอลเลกชั่นใหม่ในโทนสีเข้ม ลวดลายของงานหัตถกรรม ลายกราฟฟิก การประดับประดาของพู่ระบาย นับเป็นศิลปะความหรูหราแบบดิบๆ ประกอบกับกลิ่นอายคาวบอยตะวันตกให้ลุคมัสคูลินแบบเท่เซอร์ๆ

แฟชั่น ทรงผมทอม TOMBOY หล่อ ๆ


อันสืบเนื่องมากจาก ได้รับ คำชี้แนะมาว่า อยากจะได้ เรื่องราว แฟชั่น ผู้ทอม มากกว่านี้ และโดยเฉพาะ ทรงผม…
พี่เมย์ มาคิด ๆ ดู ก็น่าจะจริงนะ เสื้อผ้า หน้า ผม นี่สำคัญ วันนี้ เลย จัดไปนะน้องนะ วันนี้เลย ตะลุย กูเกิ้ล ค้นหามาเลย
เฉพาะ ทรงผม เจ๋ง ของ น้องทอม พี่ทอมหล่อ ทั้งหลาย ….จะให้ไปเดินถ่ายแต่ละคน ก็กลัวจะชักช้าไม่ทันใจ ….
ดังนั้น คอลัมนี้ จะขอโชว์เฉพาะ ทรงผมที่เข้าตากรรมการ … บวกใบหน้าอันน่ารักน่ากิน ของทุกคน ใครเป็นใคร ….บอกไม่ได้ ไม่ใช่ไม่บอก เพราะ ค้นมาแต่รูปไม่ถึงกับทำประวัติ …..หากเจ้าของรูปท่านใด ได้มาเจอรูปตนเอง อย่าตกใจ ขอให้ดีใจว่า ท่านเข้ากรรมการแล้วอย่างจัง ….
ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า สำหรับผู้เข้าตากรรมการทุกท่าน…ขอให้หล่อ ๆ ไปตลอดกาลนะค๊า

เพราะฉะนั้น หัวข้อนี้ จะรวบรวม ประมวลภาพ ทอมน่ารัก ทอมหล่อ หล่อน้อยไปถึงหล่อมา และหล่อจังเล้ยยยยยยย
มาให้ชมกันอย่างจุใจ วันนี้ใครอยากทำทรงไหนเลือกเอาเลยนะจ๊ะ….แถม เสื้อผ้า และการโพสท่าถ่ายรูปแนว แนว ให้อีกด้วย ….หุหุหุ ….

กับ ทริกเล็กน้อย เรื่อง การเลือกทรงผม ที่เหมาะสมกับตัวเอง…นะคะ

ที่สำคัญที่สุด คือรูปหน้า ของตัวเอง เพราะผมกับรูปหน้าสัมพันธ์กันเป็นที่
สุดสไตลิสต์ขอแนะนำว่าหากคุณ

หน้ากลม ; ตัดผมเป็นมุมแหลมด้านหน้า

หน้าเหลี่ยม กรามใหญ่ ; ผมสั้นเสมอคาง

หน้ายาว : ผมม้า เอียงซ้ายหรือขวา

แก้มเยอะ : ผมสั้นไว้จอนยาวเล็กน้อย ผมยาวไล่จากกลางแก้ม

อาชีพ ….ทรงผมกับอาชีพบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือและกาลเทศะดังนั้นวางใจได้ว่าคุณจะสวยสมบุคลิกและหน้าที่การงานของคุณแน่ๆ

การแต่งกาย…..บางครั้งการแต่งกายก็บอกลักษณะความเป็นจริงของคุณ การออกแบบทรงผมให้เข้ากับบุคลิกของคุณจากการแต่งกายเป็นสิ่งสำคัญ

สีผิว….. เพราะสีผิวกับสีผม มีส่วนทำให้คุณดูหม่นหมองหรือสดใสขึ้นได้เช่นเดียวกัน ถ้าคุณผิวเข้ม แต่อยากผมสีม่วงแบบ in trend ที่นี่เขายินดีทำให้แต่ Technician จะคุยกับคุณก่อนว่า in trend ทั้งศีรษะเห็นจะไม่ดีแน่ เปลี่ยนมาทำไฮไลต์ด้วยสีม่วงจะดีกว่า ….ประมาณนี้นะจ๊ะ อย่าถึงกับมั่นใจตัวเอง (แบบผิดผิด) บางอย่างปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเป็นดี

วันนี้ดูตัวอย่างกันก่อนเลยนะ…..ใครดูบทความนี้แล้วไม่ เม้นให้คะแนน คนหล่อ…ล่ะก็ ….ครั้งหน้าคนเขียน จะงอน …ไม่หามาให้ยลโฉมกันแล้วนะ จะบอกให้…

P.S. ใครอยากได้ เรื่องอะไรเป็นพิเศษ เสนอแนะมาได้เลยค่ะ

ขอบคุณ http://www.xn--o3cumxid2q.com/%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A1-tomboy-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B9%86.html

‘ทอมบอย’ ในวงการบันเทิงไทย เพราะสังคมเปิดใจรับสาวหล่อ…หรือสุดท้ายแค่แฟชั่น




ที่ ผ่านมา ถ้าพูดถึงวงการบันเทิง ภาพที่อยู่ในหัวของใครหลายๆ
คน ก็คงจะหนีไม่พ้นภาพของหนุ่มหล่อสาวสวยที่กรุยกรายฉุยฉายอยู่ภายใต้แสงไฟ
สปอตไลท์ ซึ่งดูเหมือนว่า ที่อยู่ที่ยืนของพวกเขาจะจำกัดวงอยู่เฉพาะ
ชายจริงหญิงแท้เท่านั้น
น้อยครั้งที่เราจะเห็นเพศที่สามก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในวงการบันเทิง


เพราะส่วนใหญ่ เพศที่สามที่โผล่มาให้เห็นหน้ากันในโลกบันเทิง
ก็จะมาในฐานะของสีสัน มากกว่ามาเป็นตัวชูโรง และที่มีให้เห็นกันบ่อยๆ
ก็คงจะเป็นเหล่าบรรดาเกย์ และกะเทยที่ออกมาสร้างความสนุกสนาน
วี้ดว้ายกระตู้วู้ไปตามเรื่องตามราว เพียงเพื่อสร้างสีสันก็เท่านั้นเอง
ซึ่งในกรณีนี้
ก็มีให้เห็นหนาตาและเกือบจะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว
ส่วนเพศที่สามที่มีเพศสภาพ (ร่างกาย) เป็นฝ่ายหญิงนั้น
ถึงแม้จะมีมาให้เห็นอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่มากเท่าเพศที่สามที่มีร่างกายเป็นผู้ชาย


ทว่าในช่วงปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่า เทรนด์ของทอมบอยหรือสาวหล่อ
จะมีให้เห็นมากกว่าแต่ก่อน และบรรดาสาวหล่อเหล่านั้น
ก็ไม่ได้มาในฐานะของตัวประกอบหรือตัวช่วยในการสร้างสีสัน
หากแต่พวกเขามาในฐานะของตัวเอก ซึ่งมีบทบาทสำคัญ


ไม่ว่าจะเป็น ซี – มัฑณาวี คีแนน ซึ่ง
เป็นนักร้องสาวหล่อ ที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่า
ชื่อของเธอนั้นติดอันดับคำค้นหมวดคนดังหน้าจอ เป็นอันดับ 2 ของกูเกิลในปี
2010 (อันดับ 1 คือซีเอ็น บลู ซึ่งเป็นนักร้องเกาหลี) หรือจะเป็น
การออกมาทำตลาดของหนังเรื่อง ‘Yes or No อยากรัก ก็รักเลย’
ซึ่งเป็นหนังที่มีแนวทางแบบหญิงรักหญิงอย่างชัดเจน โดยมี ติ๊นา – ศุภนาฎ
จิตตลีลา มารับบทเป็นพระเอกสาว (???) ของเรื่อง


นอกจากนี้ บนแผงหนังสือก็ยังมีนิตยสารสำหรับหญิงรักหญิงวางจำหน่าย
โดยมีแฟชั่นเซตของสาวหล่อบรรจุอยู่ภายใน ซึ่งนายแบบสาวหล่อเหล่านนั้น
ล้วนมีรูปสมบัติและคุณสมบัติที่พร้อมจะออกมาโลดแล่นในวงการบันเทิงในกาลต่อ
ไป


ไม่ใช่ว่าเพิ่งมี

หากจะพูดถึงสาวหล่อในวงการบันเทิงไทยในอดีตที่ผ่านมา ชื่อของ อัญชลี จงคดีกิจ คง
เป็นชื่อแรกๆ ที่ คนไทยนึกถึง เพราะเธอเป็นเสมือนสาวหล่อรุ่นบุกเบิก
ที่เสนอผลงานผ่านลุคแบบห้าวๆ
ก่อนที่จะมีศิลปินเพลงรุ่นน้องที่ยึดแนวทางในการพรีเซนต์ตัวเองในแบบเดียว
กับอัญชลี ที่ชื่อ อลิศ คริสตัน ตามมา


นอกจากนี้ ในวงการเพลง ก็ยังมี อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ อีกคนที่มีลักษณะการนำเสนอตัวเองแบบสาวห้าว (ซึ่งในช่วงนั้น อ้อมยังไม่ได้ถูกนับอยู่ในประเภทของสาวหล่อ)


ทว่าเอาเข้าจริงแล้ว ลุคแบบทอมบอยของคนบันเทิงนั้น
ก็มีปรากฏให้เห็นมาก่อนการมาถึงของอัญชลี จงคดีกิจอยู่นานโข
ถ้าย้อนกลับไปสักเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ชื่อของ สาลิกา กิ่งทอง เจ้าของผลงานเพลง ‘แต๋วจ๋า’ ก็นับได้ว่า เป็นที่รู้จักกันในฐานะของนักร้องลูกทุ่งทอมบอย หรือในฝั่งดารา ก็มี อ้อย-จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่
ถือเป็นดาราทอมบอยรุ่นบุกเบิก และถ้ามองออกไปนอกวงการบันเทิง
ก็เชื่อเถอะว่า เรื่องราวของผู้หญิงที่มีลักษณะเป็นทอมบอยนั้นมีมานานแล้ว
เพียงแต่เราไม่ค่อยพูดถึงกันเท่านั้นเอง


“จริงๆ แล้ว เรื่องของทอมบอยนั้น มันมีมานานแล้วในประวัติศาสตร์
ซึ่งเราสามารถพบได้ตามจดหมายเหตุและบันทึกต่างๆ ซึ่งเขาใช้คำว่า
‘เล่นเพื่อน’ ซึ่งในแง่มุมทางสังคมวิทยา สังคมไทยเป็นสังคมของชายเป็นใหญ่
ดังนั้นเมื่อพูดถึงลักษณะของความเป็นผู้หญิง
รวมถึงทางด้านความต้องการทางเพศ มันจะไม่ค่อยถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็น
เท่าไหร่ ส่วนมากจะมองว่าผู้หญิงนั้นเป็นที่รองรับอารมณ์ของผู้ชาย
การที่ผู้หญิงไปมีอะไรกันกับผู้หญิงด้วยกันนั้นมันเป็นแค่เรื่องชั่วคราว
สุดท้ายก็ต้องกลับมาคู่กับผู้ชายอยู่ดี
เรื่องของทอมบอยจึงไม่เป็นที่ใส่ใจและได้รับการพูดถึง”
สันต์ สุวัจฉราภินันท์ อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรม
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่และเพศวิถี
เล่าให้ฟังถึงมุมมองที่คนในสังคมไทยมองทอมบอย แต่ในปัจจุบัน บทบาทของทอมบอย
กลับเด่นชัดขึ้นมาผ่านสื่อกระแสหลัก
หรือว่านั่นจะเป็นเครื่องยืนยันให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง
ว่าเดี๋ยวนี้คนไทยส่วนหนึ่งมีมุมมองต่อทอมบอยเปลี่ยนไป เพราะอย่างน้อยๆ
ก็หันมาสนใจ และยอมรับมากขึ้นว่าทอมบอยนั้นมีอยู่จริง

อิโนะ เคย์ (Hey!Say!JUMP) กับบทบาท “นักวางผังเมืองแห่งมหาวิทยาลัย Meiji” ตัวจริงที่เท่ห์ยิ่งกว่า!



นอกจากบทบาทสมาชิกกลุ่มไอดอลที่กำลังมาแรง อีกด้านหนึ่งของ อิโนะ เคย์ (Inoo Kei) แห่ง Hey!Say!JUMPคือนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย Meiji ประเทศญี่ปุ่น และตอนนี้เขาก็กำลังวุ่นอยู่กับการทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษา
[2012/8/7] ในภาพ อิโนะ กำลังให้ความช่วยเหลือเหยื่อผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2011
มหาวิทยาลัย Meiji ของเขาเป็นหนึ่งในผู้ช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติด้วยการเข้าไปก่อสร้างอาคารให้ใหม่ โดยผู้ประสบภัยกำลังได้รับความช่วยเหลือจากนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของทางมหาวิทยาลัย ที่เข้ามาช่วยด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งในการก่อสร้างอาคารใหม่ให้กับพวกเขา
สำหรับ อิโนะ เคย์ (Inoo Kei) เขาเป็นหนึ่งใน “นักปฏิบัติการวางผังเมือง” ของมหาวิทยาลัย Meiji ด้วย
อีกด้านนึงของ อิโนะ เคย์ (Inoo Kei) กับชีวิตนักศึกษา
(บทความจาก HEY! SAY! JUMP CALENDAR 2012.04~2013.03 | INOO KEI)
ในปี 2012 นี้ ผมก็จะกลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่ 4 แล้ว อืม นั่นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อผมผ่านขึ้นชั้นต่อไปได้นะ (หัวเราะ) ผมอยากสำเร็จการศึกษาโดยสมบูรณ์ครับ
แต่ก่อนหน้านั้น ก็มีกำแพงที่ใหญ่มากอยู่ระหว่างทาง นั่นคือการทำวิจัยต่างๆ และการทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษาให้สำเร็จ
ผมหลงใหลในสถาปัตยกรรม แต่ผมไม่ได้แค่สนใจในตัวของอาคารต่างๆ นะครับ แต่ผมสนใจในการสร้างเมืองทั้งเมืองด้วย
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่อยากจะติดแหงกอยู่กับโต๊ะทำงาน แต่อยากที่จะออกไปตามเมืองต่างๆ และพูดคุยกับคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อสร้างวิทยานิพนธ์ของผมขึ้นมา
ครั้งนึงเมื่อตอนที่ผมไปเมืองโอกิน่าว่าในเวลาส่วนตัว ผมได้รับการบอกเล่าจากคุณลุงคนนึงที่เดินผ่านไปว่า “บ้านทั้งหลายที่อยู่ในโอกินาว่าหน่ะ มีผนังที่ทำมาจากปะการังนะ!”
ผมอยากได้รับความรู้อะไรแบบนั้นให้มากกว่านี้จังเลย !

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

 ข้อคิดในการออกแบบสิ่งพิมพ์

ความละเอียดของ file ภาพ (File Resolution)ในการออกแบบสิ่งพิมพ์ก่อนทำการพิมพ์งาน
           ความละเอียดของ file ภาพ (File Resolution)ของการออกแบบสิ่งพิมพ์ มีหน่วยวัดเป็น dots per inch (DPI) หรือ pixels per inch (PPI) คือความหนาแน่นของเม็ดสีต่อความยาว 1 นิ้ว ในแนวตั้ง/แนวนอน ความหนาแน่น (DPI) ยิ่งมาก ความละเอียดและความคมชัดของภาพจะยิ่งสูงขึ้น ความละเอียดของภาพที่แสดงบนจอ monitor จะอยู่ที่ 72 DPI ก็เพียงพอ แต่สำหรับงานพิมพ์ในระบบออฟเซ็ทแล้ว การออกแบบสิ่งพิมพ์จำเป็นต้องใช้ความละเอียดไม่น้อยกว่า 300 DPI ภาพพิมพ์ที่ได้จึงจะมีความคมชัดและให้รายละเอียดที่ดี และถ้าสามารถกำหนดให้การออกแบบสิ่งพิมพ์ละเอียดยิ่งขึ้น ก็จะทำให้ภาพพิมพ์ออกมามีคุณภาพดียิ่งขึ้น
อนึ่ง หากในช่วงการจัดทำการออกแบบสิ่งพิมพ์ file ภาพ มีการขยายจากภาพที่มีความละเอียด 300 DPI หรือต่ำกว่า ภาพใหม่ที่เกิดขึ้นจะมีปัญหาด้านความคมชัดได้ หรือ หากภาพเดิมมีความละเอียดต่ำกว่า 300 DPI แล้วมาแปลงเป็น 300 DPI ก็จะประสพปัญหาด้านคุณภาพเช่นกัน
การเลือกใช้ Color Mode ในการออกแบบสิ่งพิมพ์
           เนื่องจากระบบสีที่ ใช้ในการพิมพ์ เป็นแบบ CMYK ในขณะที่ระบบที่ใช้บนจอ monitor เป็นแบบ RGBในช่วงการจัดทำการออกแบบสิ่งพิมพ์ file งานเพื่อใช้ทำสิ่งพิมพ์บนคอมพิวเตอร์นั้น ท่านสามารถทำงานใน RGB color mode ทุกครั้งที่ท่านต้องการตรวจสอบสีที่จะเกิดขึ้นเมื่อนำไปพิมพ์ ท่านสามารถทำได้โดยกด ปุ่ม ‘Ctrl’ กับ ‘Y’ ในโปรแกรม Photoshop เมื่อท่านจัดทำ file งานจนเป็นที่เรียบร้อยพร้อมที่จะส่งมายังโรงพิมพ์ ท่านก็แปลงภาพทั้งหมดให้อยู่ใน CMYK color mode แล้วจึงจัดส่ง file งานให้กับทางโรงพิมพ์ข้อ ควรระวังคือ ไม่ควรแปลง file ภาพกลับไปมา ระหว่าง RGB mode กับ CMYK mode เพราะการแปลงแต่ละครั้ง จะเกิดการเพี้ยนของสีเล็กน้อย การแปลงกลับไปมาหลาย ๆ ครั้ง ยิ่งทำให้ความเพี้ยนมากขึ้น
การเผื่อพื้นที่รอบขอบของงานออก แบบสิ่งพิมพ์
           ในการจัดทำ อาร์ตเวิร์คสำหรับงานพิมพ์นั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงภาพหรือสีส่วนที่ปรากฏโดยรอบขอบของชิ้นงานพิมพ์ หากเราออกแบบสิ่งพิมพ์ให้ภาพ/สีบริเวณนั้นไปสิ้นสุดที่แนวขนาดของชิ้นงาน พิมพ์ ชิ้นงานพิมพ์ที่ออกมาอาจจะปรากฏขอบขาวได้ทั้งนี้เกิดจากความคลาดเคลื่อนช่วง ตัดเจียนขอบชิ้นงานพิมพ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในขบวนการผลิต การทำอาร์ตเวิร์คจึงต้องเผื่อพื้นที่ของภาพ/สีเกินออกนอกบริเวณขอบที่เป็น แนวของขนาดชิ้นงานพิมพ์ ดังนั้นจึงมีการกำหนดขอบเขตโดยรอบชิ้นงานดังนี้
           ขอบนอกสุดของการออกแบบสิ่ง พิมพ์ คือแนวสิ้นสุดของภาพ/สีของชิ้นงาน พิมพ์นั้น แนวนี้จะห่างออกมาจากแนวตัดเจียน (แนวที่เป็นขนาดจริงของชิ้นงาน) อย่างต่ำ 0.125 นิ้ว บางครั้ง เราเรียกบริเวณนี้ว่าบริเวณเผื่อตัดตก ในการจัดทำอาร์ตเวิร์คถ้ามีภาพ/สีปูถึงบริเวณแนวขอบตัดเจียน ให้ขยายพื้นที่ภาพ/สีเลยออกจากแนวตัดเจียนมาสิ้นสุดที่ขอบนอกสุดนี้
           ขอบตัดเจียน/ขอบขนาดของชิ้นงาน ในการออกแบบสิ่งพิมพ์ คือแนว ที่เป็นขนาดจริงของชิ้นงานพิมพ์/ขนาดที่ใช้อ้างอิงในการสั่งซื้อ
ขอบทำงานของการออกแบบสิ่ง พิมพ์ คือกรอบของพื้นที่ที่ ปลอดภัยจากความคลาดเคลื่อนในการตัดเจียน แนวของขอบทำงานจะร่นเข้าไปในเนื้องาน ไม่ต่ำกว่า 0.125 นิ้ว จากแนวตัดเจียน ดังนั้นเนื้องานที่สำคัญ เช่น ข้อความต่าง ๆ จะไม่ถูกตัดขาดหายไปถ้าถูกจัดวางไม่เลยออกนอกขอบทำงานนี้ สำหรับงานหนังสือ (โดยเฉพาะหนังสือที่เย็บมุงหลังคา) แนวด้านข้างของขอบทำงานต้องห่างจากแนวตัดเจียนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการซ้อนกันของหน้าหนังสือตามแนวสัน ทำให้หน้าที่อยู่ใน ๆ แคบกว่าหน้าที่อยู่นอก ๆ
ปัญหาเรื่อง Fonts และ Transparency ของการออกแบบสิ่งพิมพ์
           สำหรับ file งานที่ทำในโปรแกรม InDesign และ Illustrator หรือโปรแกรมที่เป็น vector format ก่อนที่จะทำการส่ง file งานให้โรงพิมพ์ ควรใช้คำสั่ง Flatten ส่วนที่เป็น transparency หรือ ส่วนที่เป็น effect ทั้งหลาย อีกทั้งให้ทำ outline สำหรับ font ของตัวอักษรทั้งหลาย ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกหล่นของส่วนที่เป็น transparency หรือความคลาดเคลื่อนของ font ที่อาจเกิดขึ้นได้
Background สีดำของงานออกแบบสิ่งพิมพ์
           ในการให้สีพื้นหลัง (Background) ที่เป็นสีดำ (K 100) ให้ตรวจสอบดูว่าบริเวณดังกล่าวมีเปอร์เซ็นต์ของแม่สีอื่น ๆ ติดอยู่เท่าไร หากมีเปอร์เซ็นต์ของแม่สีอื่น ๆ อยู่สูง เช่น Y 100 M 100 C 100 จะทำให้การพิมพ์มีปัญหา เวลาพิมพ์งาน ชั้นของหมึกบริเวณนั้นจะหนามากและจะแห้งช้า ทำให้สีไปเลอะบนแผ่นพิมพ์ที่อยู่ติดกันและจะทำให้งานเสียหาย เพื่อป้องกันไม่เกิดอาการนี้ ควรตั้งเปอร์เซ็นต์ของสีสำหรับพื้นที่สีดำ ดังนี้ K 100 Y 40 M 50 C 40 (เปอร์เซ็นต์ของ Y M และ C สามารถลดต่ำกว่านี่ได้) หรืออาจ จะตั้งค่า K เท่ากับ 100 แล้ว เลือกสีอื่นสีใดสีหนึ่ง ตั้งค่าไม่เกิน 50
           ในตามความเป็นจริงนั้น การตั้งค่า K เท่ากับ 100 เพียงสีเดียวในส่วนที่เป็นพื้นดำก็น่าจะเพียงพอ แต่ที่มีเปอร์เซ็นต์ของสีอื่นเพิ่มเข้ามาเป็นเพราะในช่วงเวลาพิมพ์ บางครั้งอาจเกิดมีฝุ่นผงในภาพของหมึกพิมพ์ทำให้หมึกสีดำที่จุดนั้นไม่ไปเกาะ บนกระดาษ เกิดเป็นจุดขาวซึ่งมองดูสดุดสายตา แต่ถ้ามีหมึกสีอื่นปูซ้อนทับอยู่ด้วย จะทำให้จุดนั้นลดความเด่นลง และยังช่วยให้พื้นดำนั้นมีน้ำมีนวลมากขึ้นมีความเงามากขึ้นอันเนื่องมาจาก ชั้นของหมึกหนาขึ้น อนึ่ง การเพิ่มสีอื่นลงไปในพื้นดำในเปอร์เซ็นที่ไม่สูงมาก จะไม่ทำให้พื้นสีดำนั้นมีความดำที่ผิดเพี้ยนไปจนเป็นที่สังเกตุ
ตัวอักษรเจาะขาว
           บ่อย ครั้งที่นักออกแบบนิยมทำตัวอักษรเจาะขาวบนพื้นสีเข้มเพื่อดูสะดุดตา หากตัวอักษรดังกล่าวมีขนาดเล็กและบางมากจะสร้างปัญหาให้กับการพิมพ์ทำให้ตัว อักษรขาดหายอ่านไม่ออก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เกิดได้จากการจ่ายหมึกมากเกินไป และหรือมีการเหลื่อมกันของสีแต่ละสีอันเนื่องจากการพิมพ์ซ้อนทับของสีคลาด กันหรือเนื่องจากปัญหาจากกระดาษยืดหดในระหว่างพิมพ์ จึงทำให้พื้นที่ที่เจาะขาวมีสีเข้าไปทับเป็นเหตุให้ตัวอักษรขาดหายไป ดังนั้นการทำตัวอักษรเจาะขาวไม่ควรให้เส้นบางจนเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ดังกล่าว
ภาพต่อระหว่างหน้าของงานออกแบบสิ่งพิมพ์
           การ ออกแบบหน้าหนังสือโดยมีภาพขนาดใหญ่ต่อกันระหว่างสองหน้าที่อยู่ติดกันไม่ได้ เป็นข้อจำกัดใด ๆ ตรงข้าม การพิมพ์และการเข้าเล่มหนังสือที่มีภาพต่อดังกล่าวเป็นความท้าทายสำหรับโรง พิมพ์ การควบคุมการพิมพ์ให้สีคล้ายกันที่สุด (โดยส่วนใหญ่พิมพ์คนละกรอบกัน) และการเข้าเล่มให้ภาพต่อกันได้สนิทจึงต้องอาศัยประสบการณ์และการดูแลอย่าง ใกล้ชิด สิ่งที่ควรระวังเป็นเพียงให้มั่นใจว่าภาพทั้งสองฝั่งมาจาก file เดียวกัน ไม่ได้มีการปรับแต่งฝั่งใดฝั่งเดียว หากมีการตัดภาพออกจากกัน ให้มั่นใจว่าการต่อภาพถูกต้องสมบูรณ์
สีบนจอกับสีในงานพิมพ์ของการออกแบบสิ่ง พิมพ์
           มักจะมีคำถามอยู่เสมอ ว่าทำไมภาพบนจอ monitor จึงดูสดใสกว่างานพิมพ์ที่พิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ท ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก ภาพที่เห็นบนจอ monitor เกิดจากจุดกำเนิดแสงสี 3 สี (red, green, blue) ส่องทะลุผ่านจอเข้าตาของเรา ผิดกับภาพที่เห็นบนแผ่นกระดาษพิมพ์ซึ่งเกิดจาก แสงสีขาวสะท้อนผิวขาวของกระดาษผ่านชั้นหมึกพิมพ์ 4 สี (yellow, magenta, cyan, black) แล้วจึงเข้าสู่ตาของเรา หาก file งานเป็น RGB file สีบางเฉดสีที่เห็นบนจอซึ่งเกิดจากการผสมของแม่สี RGB (สีบางสีมีความสดมาก) ไม่สามารถแปลงค่ามาอยู่ในระบบแม่สีแบบ CMYK ได้ จึงทำให้สีเพี้ยนไปไม่เหมือนหน้าจอ เพื่อให้ดูใกล้เคียงกับงานพิมพ์ ให้กด ‘Ctrl’ กับ ‘Y’ เพื่อทดสอบดูสีในระบบ CMYK และก่อนส่ง file งานให้ทางโรงพิมพ์ ให้แปลง file งานให้อยู่ใน mode CMYK
ที่มา : http://www.supremeprint.net
 การออกแบบโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์
           สำหรับการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์นั้น ในปัจจุบันนี้ก็ได้แพร่หลายขยายขอบเขตออกไปอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ เพราะเทคโนโลยีการพิมพ์และรูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์มีวิวัฒนาการก้าวหน้าไป กว่าเดิมอย่างรวดเร็ว อาจครอบคลุมไปถึงสื่อตัวกลางทุกประเภทที่จะสามารถใช้เป็นพื้นที่ที่พิมพ์ข้อ ความโฆษณาลงไปได้ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ใบปลิว เอกสารแผ่นพับ ป้ายประกาศโฆษณา(โปสเตอร์) หีบ ห่อ กล่องบรรจุสินค้า ฯลฯ
           ในการออกแบบโฆษณาสำหรับสื่อสิ่งพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นสื่อประเภท ใด หลักพื้นฐานที่นักออกแบบโฆษณาควรจะต้องทราบ ก็คือ เรื่องเกี่ยวกับองค์ประกอบโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์ขั้นตอนของการทำงานออกแบบ และหลักเกณฑ์ในการออกแบบ อย่างไรก็ดีแบบของตัวอักษรในพาดหัวโฆษณาหนึ่ง ๆ ก็ไม่ควรจะมีมากเกินไปนัก เพราะถ้าหากมากแบบไป อาจจะทำให้แลดูยุ่งเหยิง ด้อยรสนิยม และอาจทำให้หาจุดเด่น คือ พาดหัวสำคัญไม่พบก็ได้ อาจกล่าวได้ว่าพาดหัวโฆษณาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของชิ้นงานโฆษณา เพราะเป็นส่วนที่นำเสนอแก่น หรือหัวใจของงานโฆษณานั้น ถ้าผู้อ่านเพียงแต่อ่านพาดหัวก็อาจจะ
องค์ประกอบของโฆษณาในสิ่งพิมพ์
           โดยทั่วไปองค์ประกอบของโฆษณาในสิ่งพิมพ์จะประกอบด้วยองค์ ประกอบใหญ่ 4
ประการ ดังนี้

          
1. พาดหัวโฆษณา (headline) คือ ส่วนที่เป็นตัวอักษรมักมีลักษณะเป็นประโยคที่ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ อาจมีประโยคเดียว บรรทัดเดียว หรือหลายบรรทัด หรือหลายประโยค หลายบรรทัดก็ได้ ในกรณีที่พาดหัวโฆษณายาว อาจจัดแบ่งเป็นพาดหัวใหญ่และพาดหัวรอง พาดหัวรองก็จะเป็นส่วนขยายพาดหัวใหญ่ ใช้ตัวอักษรขนาดเล็กกว่า หรืออาจจะให้แบบตัวอักษรต่างจากพาดหัวใหญ่ก็ได้ ดังนั้นในพาดหัวโฆษณาจึงอาจมีแบบของตัวอักษรได้มากกว่าหนึ่งแบบอย่างไรก็ดี แบบของตัวอักษรในพาดหัวโฆษณาหนึ่ง ๆ ก็ไม่ควรจะมีมากเกินไปนัก เพราะถ้าหากมากแบบไป อาจจะทำให้แลดูยุ่งเหยิง ด้อยรสนิยม และอาจทำให้หาจุดเด่น คือ พาดหัวสำคัญไม่พบก็ได้

          
อาจกล่าวได้ว่าพาดหัวโฆษณาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของชิ้นงานโฆษณา เพราะเป็นส่วนที่นำเสนอแก่น หรือหัวใจของงานโฆษณานั้น ถ้าผู้อ่านเพียงแต่อ่านพาดหัวก็อาจจะสามารถรู้ทุกสิ่งที่ผู้โฆษณาต้องการจะ บอกกล่าวก็ได้ ดังนี้ในบางครั้งโฆษณาทั้งชิ้นอาจมีเพียงแต่พาดหัวโฆษณาแล้วมีชื่อผู้โฆษณา ต่อท้ายเท่านั้น ก็เรียกว่าเป็นชิ้นงานโฆษณาที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่งแล้ว พาดหัวโฆษณาอาจจะปรากฎที่ตำแหน่งใดในพื้นที่ชิ้นงานโฆษณานั้นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนบน ส่วนกลาง หรือส่วนกลาง หรืออาจจะตะแคงพาดมุมซ้าย มุมขวาก็ได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเมื่อประกอบกับองค์ประกอบนั้น ๆ และวัตถุประสงค์ของผู้ออกแบบว่าต้องการจะใช้พาดหัวโฆษณานั้นให้เกิดผลประการ ใดต่อผู้อ่าน

           นอกจากเรื่องการออกแบบและการกำหนดขนาดตัวอักษรให้เหมาะสมกับเนื้ หาและอารมณ์ ของโฆษณาแล้ว สิ่งที่ผู้ออกแบบพึงระวังเกี่ยวกับเรื่องพาดหัวโฆษณาก็คือ การแบ่งประโยคของพาดหัว หากเป็นกรณีที่พาดหัวมีขนาดยาว หรือพื้นที่โฆษณาจำกัด จำต้องแบ่งพาดหัวเป็นหลายบรรทัด ถ้าแบ่งประโยคผิด ก็อาจทำให้ความหมายของพาดหัวนั้นคลาดเคลื่อนและทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจ ผิดก็ได้ อีกประการหนึ่ง คือ เรื่องเครื่องหมายวรรคตอน ควรจะต้องใช้ให้ถูกต้องตามหลักภาษาด้วย

           2. เนื้อหาความโฆษณา (copy block) คือ ส่วนที่เป็นเนื้อหารายละเอียดของโฆษณาทั้งหมด เป็นส่วนขยายของพาดหัวโฆษณา มักจะเรียงเป็นคอลัมน์หรือบล็อก ขนาดตัวอักษรของเนื้อหาความจะมีขนาดเล็ก บทบาทหน้าที่ของเนื้อความ คือ ช่วยย้ำความมั่นใจของผู้อ่านส่วนมากวิธีการเขียนเนื้อความ มักจะเขียนให้สั้น กะทัดรัด และรวบรัด แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับการโฆษณาสินค้าบางชนิดที่จำเป็นจะต้องเขียนให้ยาวและ อธิบายละเอียด เช่นการโฆษณาบริการที่ไม่อาจจะแสดงภาพให้เห็นชัด และจำเป็นต้องอธิบายชักจูงใจให้มาก เพื่อสร้างความมั่นใจกับลูกค้า เช่น บริการประกันชีวิต เป็นต้น และนอกจากนี้ การโฆษณาบางประเภทก็อาจจะเน้นที่เนื้อความโดยตรง เช่น โฆษณาส่งถึงลูกค้าโดยตรงทางไปรษณีย์และสั่งซื้อสินค้าทางไปรษณีย์ จำเป็นจะต้องใช้เนื้อความยาวและอธิบายละเอียด
           ในกรณีที่เนื้อความมีความยาวมาก ผู้ออกแบบควรจะแบ่งเนื้อหาออกเป็นบล็อกสั้น ๆ แต่ละบล็อกอาจมีหัวเรื่องซึ่งเป็นใจความสำคัญของบล็อกนั้นเป็นบรรทัดนำ แล้วล้อมรอบทั้งหัวเรื่องและบล็อกนั้นไว้ด้วยพื้นที่ว่างสีขาว ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านได้พักสายตาเป็นช่วง ๆ

           3. ภาพ (art) ที่จริง คำว่า “art” ในที่นี้มีความหมายกว้างขวาง ครอบคลุมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ได้เป็นตัวอักษร คือ หมายความถึง ภาพถ่าย ภาพลายเส้น ภาพวาด ภาพระบายสี กรอบของภาพ เครื่องประดับตกแต่ง แท่งสีต่าง ๆ พื้นสีเทาโทนต่าง ๆ ที่เป็นพื้นหลังของชิ้นงานโฆษณานั่น พื้นที่ว่างสีขาว ตลอดจนแบบของตัวอักษรเอง ก็สามารถจัดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะในงานโฆษณาได้
           สำหรับภาพถ่ายและภาพวาดนั้น ต่างก็มีประโยชน์ต่องานโฆษณาไปในแง่มุมที่แตกต่างกัน ภาพถ่ายสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และให้ความรู้สึกกับคนดูภาพว่า เป็นของจริงและพร้อมจะเชื่อถือ ส่วนภาพวาดนั้นสามารถที่จะแสดงจินตนาการทุกอย่างได้ในขณะที่ภาพถ่ายอาจจะทำ ไม่ได้ นอกจากนี้ภาพวาดก็ไม่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพฤดูกาลดินฟ้าอากาศเหมือนอย่างการ ถ่ายภาพด้วยกรอบภาพเป็นองค์ประกอบอีกประการหนึ่งที่น่าคำนึงถึง เพราะนอกจากใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งแล้ว ยังมีประโยชน์มากในแง่แยกโฆษณาซึ่งงานของเราไม่ได้ไปปะปนกับงานโฆษณา ซึ่งมีขนาดเท่ากันหรืออยู่ข้างเคียงกัน

           4. ชื่อผู้โฆษณา (signature) องค์ประกอบสุดท้าย เป็นส่วนที่จะบอกกล่าวกับผู้อ่านโฆษณาว่า ใครเป็นเจ้าของโฆษณาชิ้นนั้น โดยปกติชื่อและที่อยู่ของผู้โฆษณามักจะใช้แบบตัวอักษรที่แตกต่างไปจาก ตัวอย่างของเนื้อความโฆษณา เพราะเมื่อจบเนื้อความโฆษณาแล้วในบางชิ้นงานโฆษณาก็จะต่อท้ายด้วยชื่อและที่ ออยู่ของผู้โฆษณาเลย ดังนั้น ก็ควรจะเล่นลวดลายตัวอักษรให้ต่างกัน อย่างไรก็ตามชื่อและที่อยู่ของผู้โฆษณาไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ท้ายเนื้อความ โฆษณาเสมอไป อาจจะไว้ในตำแหน่งใดก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนมากมักจะอยู่ตอนล่างสุดของเนื้อที่ โฆษณา ศัพท์คำว่าชื่อและที่อยู่ของผู้โฆษณานี้ อาจจะมีศัพท์คำอื่นที่ใช้แทนได้ และก็เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายกว้างขวางในวงการโฆษณาด้วย เช่น คำว่า “logotype” หรือ “logo”
           นอกจากชื่อและที่อยู่ของผู้โฆษณาแล้ว ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญอีกสองประการสำหรับองค์ประกอบสุดท้ายนี้ คือ เครื่องหมายการค้าและคำขวัญ ซึ่งมักจะอยู่รวมกับกลุ่มกันกับชื่อและที่อยู่ของผู้โฆษณา
ขั้นตอนในการปฏิบัติงานออกแบบโฆษณา
           การปฏิบัติงานออกแบบโฆษณาซึ่งเรียกกันว่า ทำเลย์เอ้าท์นั้นมีหลายขั้นตอนและมีคุณภาพหลากหลาย ตั้งแต่ขั้นหยาบ หรือคร่าวๆ ที่สุดขึ้นไป จนถึงขั้นละเอียดที่สุด จนอาจจะมองไม่ออกว่าเป็นการวาดหรือเป็นการพิมพ์กันแน่น การทำงานออกแบบจะหยาบหรือละเอียดอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ว่า จะใช้การออกแบบนั้นเพื่ออะไร เช่น ถ้าหากว่าเพื่อจะส่งให้คนเขียนเนื้อความโฆษณาเอาไปพิจารณาเรื่องขนาด เนื้อที่ที่เขาควรจะเขียนข้อความหรือให้ช่างภาพดูเพื่อเป็นแแนวทางว่าควรจะ จัดภาพอย่างไร หรือเป็นแนวทางให้ช่างพิมพ์ให้ขนาดตัวพิมพ์ ถ้าเป็นเช่นนั้น การออกแบบก็ไม่ต้องละเอียดมาก แต่ถ้าเป็นกรณีเสนอต่อลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจก่อนที่เขาจะต้องจ่าย เงินเป็นจำนวนมาก เพื่อโฆษณาสินค้าของเขาการออกแบบก็ควรจะต้องละเอียดมากขึ้น
การทำเลย์เอ้าท์ ไม่ใช่ว่าคิดแบบแรกได้แล้ว ก็จะสามารถใช้ได้ทันที กว่าที่กระบวนการการทำเลย์เอ้าท์จะเสร็จสิ้นเป็นที่ตกลงใจกันได้ทุกฝ่ายนั้น โฉมหน้าของเลย์เอ้าท์ อาจจะเปลี่ยนไปจากความคิดครั้งแรกห่างไกลจนเป็นคนละภาพเลยก็เป็นได้
ระดับขั้นตอนความละเอียดของการทำเลย์เอ้าท์
           2.1 ภาพร่าง (thumbnail) เป็นขั้นตอนแรกของการทำเลย์เอ้าท์ ส่วนมากมักจะใช้ขนาดพื้นที่ราว 1/4 ของพื้นที่จริงของโฆษณา ในพื้นที่ย่อส่วนจากของจริงนี้ นักออกแบบก็จะสะดวกเข้าในการสเก็ตคร่าว ๆ เช่น ลากเส้นขยุกขยิกแทนภาพ ใช้ดินสอแรเงาเป็นฟันปลาแทนตัวอักษร ในขั้นภาพร่างนี้ เรื่องที่สำคัญกว่าละเอียดของภาพ คือ เรื่องสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนของรูปภาพ ขนาดตัวอักษร ความยาวของเนื้อความโฆษณา ถึงจะย่อลงมาจากของจริงก็จะต้องย่อลงมาในลักษณะที่ถูกสัดส่วน

           2.2 รูปแบบสำเร็จ (finished layout) เป็นการทำเลย์เอ้าขั้นละเอียดขึ้นมากกว่าภาพร่าง
แต่ก็ยังไม่ละเอียดที่สุด ในขั้นนี้มีการออกแบบตัวอักษรในพาดหัวโฆษณาเห็นชัดทั้งในรูปแบบ สไตล์และขนาด สำหรับภาพก็ไม่ใช้เส้นขยุกขยิกแสดงสัดส่วนภาพเท่านั้น แต่เป็นการแสดงภาพ ซึ่งอาจจะเป็นภาพวาด – ภาพเขียน – ภาพถ่าย ก็ได้เหมือนกัน เมื่อโฆษณาจะออกสู่สายตาสาธารณชน ขนาดตัวอักษรของข้อความโฆษณาตลอดจนกรอบเนื้อที่ก็จะกำหนดอย่างถูกต้อง

           2.3 รูปแบบสมบูรณ์ (comprehensives) เป็นการออกแบบพื้นที่ละเอียดกว่า ข้นที่ 2 เป็นการนำเสนอชิ้นงานโฆษณาต่อลูกค้า ดังนั้น จึงต้องมีรายละเอียดที่สมบูรณ์ เพื่อให้ลูกค้าพิจารณาก่อนตกลงใจเสียเงินเป็นจำนวนมาก ในขั้นนี้ตัวอักษรพาดหัวจะต้องเขียนเหมือนของจริงทุกประการ ส่วนภาพถ้าใช้วาดก็จะต้องวาดให้เหมือนจริง หากเป็นภาพถ่ายก็จะถูกปะไว้ในจุดที่เป็นจริง ข้อความโฆษณาจะต้องทำให้เห็นขนาดเนื้อที่ถูกต้อง ถ้าไม่พิมพ์ให้เหมือนจริงก็จะต้องลากเส้นคู่แสดงขนาดตัวอักษรให้แน่นอน เมื่อเสร็จแล้วก็มีการเข้ากรอบปิดด้วยแผ่นพลาสติกใส เพื่อให้ปลอดภัยคงสภาพดีจนไปถึงมือลูกค้าถ้าชิ้นงานโฆษณานั้นจะต้องพิมพ์ใน ระบบออฟเซต การทำเลย์เอ้าท์ก็ต้องมีขั้นตอนเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง คือ การตัดองค์ประกอบทุกอย่างที่จัดทำไว้ปะ (paste up)ลงไปในขนาดพื้นที่เท่าจริง ให้ทุกอย่างประกอบกันในลักษณะที่เหมือนของจริงที่สำเร็จรูปแล้ว ทุกประการ เพื่อเอาไปทำแม่พิมพ์