การออกแบบหนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่รวมเรื่องราว บทวิเคราะห์ ภาพเหตุการณ์ และการโฆษณา
ต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ถ้าสิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้ถูกจัดไว้อย่างขาดความมีระเบียบลงบนหน้าหนังสือ
ก็จะให้ผู้อ่านเกิดความสับสนในเรื่องราวต่าง ๆ
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนได้ว่าในแต่ละหน้าจะบรรจุอะไรไว้บ้าง
และในตำแหน่งใด เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน ดังนั้น
จึงต้องมีการออกแบบเพื่อให้อ่านได้ง่าย อ่านได้เร็ว และอ่านได้มาก
หนังสือพิมพ์เป็นสื่อที่ต้องแข่งขันกับสื่ออื่น ๆ ที่มีการเคลื่อนไหวในการเสนอข่าวอยู่
ตลอดเวลา เช่น วิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง เพื่อให้ข่าวสารต่าง ๆ
ที่เสนอต่อผู้อ่านมีความใหม่สดอยู่เสมอ
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับนิตยสาร วารสาร
และหนังสือเล่มแล้วสิ่งพิมพ์เหล่านี้ก็จะอ่านได้ง่ายและดูสวยงามน่าสนใจกว่า
หนังสือพิมพ์โดยทั่วไป ทั้งนี้เพราะนิตยสาร วารสาร
และสิ่งพิมพ์อื่นนั้นมีเวลาที่ใช้ในการออกแบบตบแต่ง
ทำอาร์ตเวอร์คและเตรียมการมากกว่าหนังสือพิมพ์ แต่ผู้อ่าน
ผู้อ่านมักจะสนใจในความยากง่ายของการทำจะสนใจแต่เพียงว่าสิ่งพิมพ์ใดอ่าน
ง่าย อ่านสนุก และน่าสนใจมากกว่าเท่านั้น ฉะนั้น
เพื่อให้หนังสือสามารถทำให้ผู้อ่านเกิดความสนใจให้ได้
ผู้ออกแบบจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้หนังสือพิมพ์เป็นที่น่าสนใจ
ของผู้อ่าน และได้ประโยชน์จากเนื้อหาในขณะเดียวกัน
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น อาจกำหนดแนวคิดของการจัดหน้าได้ดังนี้
1. บรรณาธิการจะต้องจัดข่าวให้อยู่ในลักษณะที่มีความสะดวกต่อการอ่าน เพื่อ
ให้ผู้อ่านรู้สึกว่าสามารถอ่านและติดตามข่าวได้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
เช่น
ควรให้ผู้อ่านเข้าใจและติดตามได้ว่าข่าวเริ่มจากจุดใดต่อไปที่คอลัมน์ใดและ
ไม่สิ้นสุดที่คอลัมน์ใดโดยง่าย ต้องจัดให้ข่าวพิเศษอยู่ในตำแหน่งที่สะดุดตา
หาดูได้สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาค้นหามาก ฉะนั้น
การจัดวางข่าวให้ระเบียบจึงเป็นมาตรการสำคัญข้อแรกของการออกแบบ
2. การจัดวางรูปแบบของข่าวต่าง ๆ ควรให้อยู่รูปแบบที่คงที่สม่ำเสมอและ
สอดคล้องกับหนังสือพิมพ์อื่นตามสมควร เพื่อให้ผู้อ่านสะดวกในการติดตามข่าว
โดยไม่ต้องเริ่มต้นหาตำแหน่งของเรื่องราวต่าง ๆ ใหม่
เมื่อไปอ่านหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ แต่อย่างไรก็ตาม
การออกแบบในการจัดหน้าและเสนอข่าวจะต้องทำให้ผู้อ่านเกิดภาพพจน์ต่อหน
งัสือพิมพ์นั้นตาม
ที่ผู้ทำหนังสือพิมพ์นั้นต้องการ ภาพพจน์นี้เป็นความรู้สึก ทัศนคติ
และความคิดเห็นของผู้อ่านต่อหนังสือพิมพ์นั้น ๆ เช่น เกิดความรู้
ความเข้าใจว่าหนังสือพิมพ์นั้น ๆ เป็นหนังสือพิมพ์ประเภทใด ๆ
3. จะต้องออกแบบให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้นต่อสิ่งที่หนังสือพิมพ์นั้น เสนอ
ต่อผู้อ่านเพราะความจริงแล้วหนังสือพิมพ์จะต้องแข่งขันกับสื่อ อื่น ๆ
ที่น่าสนใจกว่า เช่น วารสาร วิทยุ โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
จะมีความเร้าใจมากกว่าโดยธรรมชาติเพราะมีเสียงพูดเสียงดนตรี
หรือภาพประกอบด้วย สิ่งพิมพ์ประเภทวารสาร นิตยสาร
ก็สามารถทำให้เห็นจริงเห็นจึงได้มากกว่าโดยการใช้ภาพสี
ฉะนั้นเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสื่อต่าง ๆ
ได้หนังสือพิมพ์จึงจำเป็นที่จะต้องคิดค้นการจัดหน้า
และการเสนอข่าวให้น่าสนใจ และน่าทึ่งมากยิ่งขึ้น เช่น การพาดหัวข่าว
การใช้ภาพที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์ และความสดของข่าว
การออกแบบหนังสือพิมพ์เป็นการนำเอาถ้อยคำ ภาพ สี และเส้น
และสิ่งประกอบอื่น ๆ
มารวมกันให้เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน คือ
การเสนอข่าวสาร โฆษณาและข้อมูลต่าง ๆ ต่อผู้อ่านให้มีความสวยงาม น่าสนใจ
และเกิดประโยชน์ใช้สอบมากที่สุดโดยที่สื่อสิ่งพิมพ์ก็เป็นสิ่งพิมพ์ประเภท
หนึ่ง
ฉะนั้นผู้ออกแบบอาจใช้หลักเกณฑ์ในการออกแบบดังได้กล่าวแล้วในเรื่องมาใช้ได้
นั่นคือ การออกแบบต้องคำนึงถึง ส่วนสัดความสมดุล ความแตกต่าง
และความมีเอกภาพอยู่เสมอ
หลักการของการจัดหน้าหนังสือพิมพ์
การจัดหน้า หมายถึง การออกแบบหน้าแต่ละหน้าของหนังสือพิมพ์ โดยการกำหนด
ตำแหน่งของส่วนต่าง ๆ ในหน้า เช่น พาดหัวข่าว เนื้อข่าว ส่วนโฆษณา ซึ่งในการจัดหน้านี้จะต้องประกอบไปด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ที่สำคัญ คือ
1. การจัดทำโครงร่างของหน้า (dummy) เพื่อให้รู้ว่าองค์ประกอบใดควรอยู่ใน
ตำแหน่งใด ซึ่งโครงร่างนี้จะต้องทำให้เรียบร้อยชัดเจน แน่นอน
และรัดกุมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะถ้าจัดทำไม่ดีแล้วจะเป็นปัญหาในการเรียงพิมพ์และจัดองค์ประกอบต่าง ๆ
ลงบนหน้าอย่างมาก
2. การกำหนดตำแหน่ง (positioning) การกำหนดตำแหน่งของข่าว ภาพ
และองค์ประกอบต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ
โดยปกติดเรื่องราวหรือข่าวที่สำคัญมักจะจัดไว้ ณ จุดศูนย์ กลางของความสนใจ
เพราะผู้อ่านจะมองในส่วนนี้ก่อนส่วนอื่น
โดยทั่วไปแล้วส่วนบนด้านซ้ายและส่วนบนด้านขวาของหน้าเป็นจุดศูนย์กลบางของ
ความสนใจ ส่วนล่างของหน้าทั้งสองข้างก็เป็น
จุดสนใจเช่นกัน แต่ไม่มากเท่าส่วนบน
หลักการที่สำคัญของการกำหนดตำแหน่ง ก็คือ
การชักนำให้อ่านอ่านเรื่องราวอย่างเป็นระบบโดยไม่รู้ตัว
โดยการกำหนดให้เรียงภาพ หรือข่าวอยู่ในตำแหน่งที่เป็นจุดสนใจและน่าติด
ตาม ผู้อ่านบางคนอาจไม่สนใจตำแหน่งของข่าว
แต่จะเลือกหาอ่านเรื่องราวที่ตนสนใจเป็นหลัก
แต่ถ้าเรื่องราวหรือข่าวถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่อ่านง่าย เห็นง่าย
ไม่สับสน ก็จะช่วยทำให้น่าอ่านยิ่งขึ้น
3. การจัดหน้าแบบกริดหรือแบบแบ่งเป็นส่วน ๆ (grid)
การจัดแบ่งหน้าในระบบกริดนี้เป็นการจัดแบ่งหน้าออกเป็นส่วน ๆ
ให้มีขนาดและรูปร่างที่ต่างกันออกไป
การจัดแบ่งทำได้โดยการลากเส้นตัดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมเป็นช่อง ๆ
ซึ่งในการจัดหน้าหนังสือนั้นเส้นกริดจะหมายถึง
ช่องว่างที่อยู่ระหว่างคอลัมน์นั่นเอง
การลากเส้นกริดเพื่อแบ่งหน้าหนังสือออกเป็นส่วน ๆ
นั้นจะต้องคิดวางแผนล่วงหน้า เพื่อให้การจัดวางคอลัมน์ต่าง ๆ
เป็นไปอย่างชัดเจน
โดยปกติเนื้อข่าวต่าง ๆ
ก็จะถูกจัดให้เป็นรูปเหลี่ยมประกอบด้วยคอลัมน์ย่อย ๆ
อาจเป็นการจัดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมในแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้
แต่การแบ่งพื้นที่ต่าง ๆ มักจะไม่เท่ากัน เช่น จะไม่มีการแบ่งให้มี 4
คอลัมน์ ทางซ้าย และ 4 คอลัมน์ทางขวาเลย
แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะจัดให้มีการแบ่งจำนวนคอลัมน์ของแต่ละข่าวกันดังนี้
คือ 2 และ 4 คอลัมน์หรือ 1 และ 5 คอลัมน์ เป็นต้น
และในทำนองเดียวกันก็จะไม่แบ่งให้ส่วนบนกับส่วนล่างเท่ากันด้วย
การจัดหน้าแบบการออกแบบรวม (total design) การจัดหน้าแบบนี้แตกต่างไปจาก
การจัดแบบระบบกริด โดยมุ่งให้การจัดหน้ามีลักษณะที่น่าทึ่ง
น่าสนใจยิ่งขึ้น
ด้วยการคิดวางแผนการจัดหน้าและข่าวไว้ล่วงหน้าโดยการจัดวางรูปแบบพื้นฐาน
ทั่วไปของหน้าก่อนแล้วจึงพิจารณาบรรจุข่าวลงในรูปแบบที่กำหนด
ซึ่งรูปแบบของหน้าที่จัดนั้นก็จัดไว้เป็นพื้นที่กว้าง ๆ ที่มีสัดส่วน
พอเหมาะที่จะเรียกร้องความสนใจได้ เช่น
การจัดให้มีพื้นที่รูปเหลี่ยมขนาดต่าง ๆ อยู่ด้วยกันทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
ที่มีการเฉลี่ยน้ำหนักของคอลัมน์ที่พอเหมาะเมื่อมองภาพรวมทั้งหน้า
แต่อย่างไรก็ตามการจัดการแบบนี้ก็ยังเน้นความเรียบง่าย
แต่น่าสนใจการจัดที่มีที่ว่างระหว่างคอลัมน์บ้างจะช่วยให้ดูโปร่งตาและสวย
งามมากขึ้น ซึ่งโดยปกติช่องว่างระหว่างคอลัมน์ไม่ควรน้อยกว่า 14 พอยท์
ซึ่งบางครั้งอาจให้กว้างได้ถึง 2 ไพก้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น